หัวข้อ   “ทัศนะของประชาชนต่อปัญหาภาวะโลกร้อน และผลกระทบต่อประเทศไทย”
                 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจเรื่องทัศนะของประชาชนต่อปัญหา
ภาวะโลกร้อนและผลกระทบต่อประเทศไทย เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย 4 ธันวาคม และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วย
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 15 (cop15) ที่ประเทศเดนมาร์ก วันที่ 7-18 ธันวาคม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่
ให้ความสำคัญมากกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบกับประเทศไทย โดยเชื่อว่าภาวะโลกร้อนทำให้สภาพอากาศ
แปรปรวน มีฤดูฝนยาวนาน อากาศหนาวสลับร้อน และในอนาคตอาจเป็นสาเหตุให้เกิดวันสิ้นโลกได้ ขณะที่การลดการใช้
ถุงพลาสติกและกล่องโฟมเป็นวิธีที่ประชาชนส่วนใหญ่ตั้งใจจะทำมากที่สุดเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังเห็นด้วย
หากรัฐบาลจะออกนโยบายหรือมาตรการที่เข้มงวดจริงจังในการรับมือกับปัญหาภาวะโลกร้อน พร้อมชื่นชม ปตท. ที่มี
บทบาทช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน
                 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
 
             1. ระดับการให้ความสำคัญกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบกับประเทศไทย

 
ร้อยละ
มาก
74.3
ปานกลาง
23.2
น้อย
2.1
ไม่ให้ความสำคัญเลย
0.4
 
 
             2. ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าภาวะโลกร้อนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดวันสิ้นโลกในอนาคต

 
ร้อยละ
เชื่อว่าเป็นไปได้
79.0
เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้
21.0
 
 
             3. ปัญหาภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเด่นชัดที่สุดในขณะนี้

 
ร้อยละ
สภาพอากาศแปรปรวน มีฤดูฝนยาวนาน อากาศหนาวสลับร้อน
43.4
อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น
25.4
เกิดภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น เช่น พายุ คลื่นยักษ์สึนามิ
17.4
ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น
7.2
เกิดโรคระบาดชนิดใหม่
5.9
อื่นๆ
0.5
คิดว่าไม่มีผลกระทบ
0.2
 
 
             4. วิธีที่ประชาชนตั้งใจจะทำมากที่สุดเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน ได้แก่

 
ร้อยละ
ลดการใช้ถุงพลาสติกและกล่องโฟม
27.1
ช่วยปลูกต้นไม้และอนุรักษ์ป่าไม้
25.7
ลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์
22.7
เลือกใช้สินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟ
14.0
เลือกใช้ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า
10.5
 
 
             5. ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่ารัฐบาลควรออกนโยบายหรือมาตรการที่เข้มงวดจริงจังมากขึ้น
                 ในการรับมือวิกฤตภาวะโลกร้อน

 
ร้อยละ
เห็นด้วย
     โดยในจำนวนนี้เห็นว่านโยบายหรือมาตรการที่รัฐควรประกาศใช้
เพื่อรับมือวิกฤตภาวะโลกร้อน ได้แก่
         1. ควบคุมคุณภาพโรงงานอุตสาหกรรม
             ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ร้อยละ 30.1
         2. รณรงค์ลดการใช้พลังงาน ประหยัดไฟ ร้อยละ 24.9
         3. พัฒนาการใช้พลังงานทดแทนเช่น
             พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม
ร้อยละ 22.7
         4. ส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่ง
             มวลชน
ร้อยละ 12.8
         5. ควบคุมจำนวนประชากร ร้อยละ 4.5
         6. สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ร้อยละ 3.7
98.7
ไม่เห็นด้วย
     (โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ประชาชนต้องมีจิตสำนึกเอง
เป็นการกำหนดข้อบังคับมากเกินไป   และเป็นการแก้ปัญหาที่
ปลายเหตุ)
1.3
 
 
             6. หน่วยงาน องค์กร และบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่มีบทบาทในการช่วยลดปัญหา
                 ภาวะโลกร้อนได้ อย่างน่าชื่นชมยกย่องมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ
                 (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง)


 
ร้อยละ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
25.8
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
10.3
สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
10.1
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
8.8
กระทรวงพลังงาน
6.5
 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปจากทุกสาขาอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานคร
ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยสุ่มเขตการปกครองออกเป็น 36 เขต ทั้งเขต
ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอกได้แก่ เขตคลองเตย คลองสาน จตุจักร จอมทอง ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต ตลิ่งชัน ทุ่งครุ
ธนบุรี บางกอกน้อย บางกะปิ บางเขน บางซื่อ บางบอน บางพลัด บางรัก บึงกุ่ม ปทุมวัน ประเวศ ป้อมปราบฯ พญาไท
พระนคร มีนบุรี ยานนาวา ราชเทวี ราษฎร์บูรณะ ลาดพร้าว วังทองหลาง สวนหลวง สะพานสูง สัมพันธวงศ์ สายไหม
หนองแขม หนองจอก และหลักสี่ จากนั้นจึงสุ่มถนนและประชากรเป้าหมาย ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,113 คน
เป็นเพศชาย ร้อยละ 50.6 และเพศหญิงร้อยละ 49.4
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม
ที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Form)
จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล: 28 – 29 พฤศจิกายน 2552
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 3 ธันวาคม 2552
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:    
             ชาย
563
50.6
             หญิง
550
49.4
รวม
1,113
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 25 ปี
289
26.0
             26 – 35 ปี
306
27.5
             36 – 45 ปี
252
22.6
             46 ปีขึ้นไป
266
23.9
รวม
1,113
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
578
52.0
             ปริญญาตรี
489
43.9
             สูงกว่าปริญญาตรี
46
4.1
รวม
1,113
100.0
อาชีพ:
 
 
             ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ
96
8.6
             พนักงาน / ลูกจ้างบริษัทเอกชน
313
28.2
             ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว
357
32.1
             รับจ้างทั่วไป
123
11.0
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
86
7.7
             อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ ว่างงาน นักศึกษา
138
12.4
รวม
1,113
100.0
 
Vote:  ดีมาก(5) ดี (4) ปานกลาง(3) พอใช้ (2) แย่ (1)  
 ผลคะแนนVote              
 
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776